กล้องวงจรปิดนครปฐม |
---|
เลขที่ 200 ซอยบรมราชชนนี 70 |
ถนนบรมราชชนนี แขวงศาลาธรรมสพน์ |
เขตทวีวัฒนา กทม. 10170 |
โทร. 02-8883507-8 มือถือ 081-700-4715 |
แฟกซ์ 02-888-3199 |
E-mail : krittiwit@gmail.com |
Line id: mediasearch |
ติดต่อฝ่ายขาย |
เทคโนโลยีที่ใช้ในการเก็บข้อมูล
เทคโนโลยีที่ใช้ในการเก็บข้อมูล
Raid มีชื่อเต็มๆ ว่า Redundancy Array of Inexpensive Disk หรือ Redundancy Array of Independent Disk
วิธีการคือนำ Hard Disk มาต่อกันเป็น Array หรือเรียงต่อกัน เพื่อเพิ่มขนาดของ HDD เช่น เรานำ HDD ขนาด 750 GB มา 15 ลูก ซึ่งเราจะเรียกว่า Physical Disk แล้วทำการสร้าง Array จะได้ HDD ขนาด 10,500 GB หรือ 10.05 Tetra Bite ( 5TB ) ซึ่งเราจะเรียกว่า Logical Disk หรือ Virtual Diskหรืออาจจะเรียกแตกต่างกันไปตามแต่ละยี่ห้อ แต่ก็หมายถึงสิ่งเดียวกัน
ในทางปฏิบัติแล้วถึงเราจะรวมฮาร์ดดิสก์เป็นก้อนใหญ่ได้แล้วแต่ในรูปแบบการใช้งาน บางอย่างที่ต้องการแบ่งฮาร์ดดิสก์ ออกเป็นลูกย่อยๆ เพราะข้อจำกัดของระบบปฏิบัติการในสมัยก่อนที่สามารถรองรับฮาร์ดดิสก์ที่มีขนาดใหญ่สุดได้ 2 TB จึงต้องตัดฮาร์ดดิสก์ออกเป็นลูกย่อยๆ ซึ่งเราอาจเรียกได้ว่า LUN หรือ Logical Unit Number หรือ ในบางผลิตภัณฑ์ จะเรียกว่า Volume
Raid ประเภทต่างๆ
เนื่องจากว่าการสร้างๆ Array ของ Hard Disk นั้นต้องเสียเวลาหลายชั่วโมง บางทีเป็นวัน ลองคิดดูว่า ถ้าหากเรานำ Hard Disk ขนาด 10.05 TB ( Array ของ HDD 750 GB 15 ลูก มาใช้งานแล้วเกิดตัวใดตัวหนึ่งเสีย เราคงต้องเสียเวลานำ Hard Disk ตัวใหม่ มาแทน แล้วทำการสร้าง Array ของ Hard Disk ขึ้นมาใหม่ ทำให้ต้องเสียวเวลาอีกเป็นวันๆ และที่สำคัญที่สุดก็คือ ข้อมูลอันมีค่าของเราต้องสูญเสียไปด้วย จึงได้มีการคิดค้นเทคโนโลยีการทำ Redundant ของ Hard Disk Array ขึ้น เพื่อว่าในกรณีที่ Hard Disk ใน Array นั้น เสีย เราสามารถนำ Hard Disk ตัวใหม่มาใส่แทนที่ แล้วระบบก็จะทำการซ่อม Hard Disk Array ให้อัตโนมัติ โดยที่ข้อมูลของเราก็ยังคงอยู่ ไม่หายไปไหน แถมยังคงใช้งานเพื่อบันทึกภาพ ในขณะที่ระบบทำการซ่อม Array อยู่ได้ด้วย เราเรียกเทคโนโลยีนี้ว่า RAID ( Redundancy Array Independent of Disk ) เราสามารถแบ่ง RAID ได้ เป็นหลาย Level เช่น
Raid 0 ใช้หลักการแบ่งข้อมูล ออกเป็นส่วนๆ ( Striping ) แล้วทำการกระจายข้อมูลไปเก็บใน Disk วิธีการนี้ จะทำให้การเข้าถึงข้อมูลนั้นมีความเร็วมาก แต่ก็มีข้อเสียคือ ไม่มีการ Redundant ทำให้จริงๆแล้ว RAID Level 0 หรือ Disk Striping นี้ ควรที่จะถูกเรียกว่า AID มากกว่า RAID
RAID 1 หรือ Mirror เป็นการทำ RAID ที Disk 2 ลูก จะมีข้อมูลเหมือนกัน เพราะว่า ได้ทำการทำ Mirror ให้กับ Disk ข้อดีคือ มีความปลอดภัยสูงมาก เพราะข้อมูลของ Hard Disk ทั้ง 2 เหมือนกัน ทำให้สิ้นเปลือง Hard Disk เช่น เราใช้ Hard Disk 6 ลูก เราจะใช้เนื้อที่ของ Hard Disk ได้ เท่ากับ 2 ลูก เท่านั้น เพราะคือข้อจำกัดของ RAID 1 ที่สามารถมีฮาร์ดดิสก์ได้ 2 ลูก
RAID 10 เป็นการทำ Array ของ RAID 1 หลายๆชุด แน่นอนว่า ต้องมีความปลอดภัยสูง เพราะว่า Disk การทำ Mirror ไว้ และ การเข้าถึงข้อมูล ก็มีความรวดเร็วด้วย ข้อเสีย ก็คือสิ้นเปลืองฮาร์ดดิสก์ เพราะจะต้องเสียฮาร์ดดิสก์ไป 50%
RAID -3 เป็นการสร้าง Array ของ Hard Disk แบบมี Redundant โดยการใช้ Disk ตัวใด ตัวหนึ่ง เป็นตัวเก็บ ข้อมูล Parity ( Parity คือ ข้อมูลพิเศษที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อใช้สำหรับการกู้คืนข้อมูลในกรณีที่ฮาร์ดดิสก์เสีย และทำการเปลี่ยนฮาร์ดดิสก์ใหม่แทนที่)
RAID -5 เป็นการสร้าง Array ของ Hard Disk แบบมี Redundant โดยการใช้ การกระจาย Parity ไปยัง Hard Disk หลายๆลูก วิธีการนี้มีความปลอดภัยในระดับเดียวกับ RAID -3 แต่ให้ประสิทธิภาพในการอ่านเขียนข้อมูล ได้มีประสิทธิภาพมากกว่า จึงได้รับความนิยมในการใช้งานในระบบ CCTV เพราะมีความปลอดภัยและประหยัด เพราะไม่ต้องเสียเนื้อที่ไป 50% เหมือน RAID -1
RAID -50 เป็นการสร้าง Array ของ Hard Disk แบบมี Redundant โดยการใช้ การกระจาย Parity ไปยัง Hard Disk หลายๆลูกแบบ RAID -5 แต่เพิ่มความปลอดภัยให้มากขึ้นโดยการ แบ่ง RAID -5 ออกเป็นชุดๆ เช่น ในตัวอย่างนี้ เรามีฮาร์ดดิสก์ 6 ลูก และได้ทำการแบ่ง เป็น RAID -5 2 ชุด โดยแต่ละชุด จะมี ฮาร์ดดิสก์ 3 ลูก ซึ่งในกรณีนี้เราจะเสีย เนื้อที่ ฮาร์ดดิสค์ = 2 ลูก
RAID -6 เป็นการสร้าง Array ของ Hard Disk แบบ มี Redundant โดยการใช้การกระจาย Parity ไปยัง Hard Disk หลายๆ ลูก วิธีการนี้มีความปลอดภัยในระดับที่สูงกว่า RAID -3 และ RAID -5 เพราะ ฮาร์ดดิสค์ เสียได้ 2 ลูก
สนใจติดตั้งกล้องวงจรปิดหรือต้องการคำปรึกษาเรื่องกล้องวงจรปิด เราพร้อมที่จะให้คำปรึกษาเรื่องกล้องวงจรปิด กับลูกค้าทุกท่าน สามารถติดต่อเราได้ที่ กล้องวงจรปิดนครปฐม โทร. 081-700-4715,089-203-1737 หรือ 034-306-500 www.กล้องวงจรปิดนครปฐม.com