หน้าแรก
โปรโมชั่น
กล้องวงจรปิด
บทความ
ตัวอย่างผลงาน
ชำระเงิน
ติดต่อเรา
กล้องวงจรปิดนครปฐม
เลขที่ 200 ซอยบรมราชชนนี 70
ถนนบรมราชชนนี แขวงศาลาธรรมสพน์
เขตทวีวัฒนา กทม. 10170
โทร. 02-8883507-8 มือถือ 081-700-4715
แฟกซ์ 02-888-3199
E-mail : krittiwit@gmail.com
Line id: mediasearch

ติดต่อฝ่ายขาย
โทร.034-306-500

ติดต่อเรา

รูปแบบการติดตั้งเลนส์

รูปแบบการติดตั้งเลนส์

มีอยู่ 2 แบบ คือ C และ CS Mount หากเลืกไม่ถูกต้องแล้วเราจะไม่มีทางที่จะปรับภาพให้คมชัดได้เลย

  • CS Mount จะมีระยะห่างจากขอบเลนส์ถึงอุปกรณ์รับภาพประมาณ 12.5 mm.
  • C Mount จะมีระยะห่างจากขอบเลนส์ถึงอุปกรณ์รับภาพประมาณ 17.7 mm.

แต่เราสามารถทำให้กล้องที่เป็น CS Mount สามารถใช้กับ C Mount เลนส์ ได้โดยการใช้แหวานรองที่มีความหนาประมาณ 5 มิลลิเมตร มารองจะทำให้ระยะห่างจากขอบเลนส์ถึงอุปกรณ์รับภาพใกล้เคียง 17.5 mm. ทำให้เราสามารถที่จะปรับโฟกัสและใช้งานกล้องได้ปกติ

ซึ่งหากเราใช้แหวานรอง จะทำให้ระยะห่างของเลนส์กับ อุปกรณ์รับภาพของเลนส์ แบบ C Mount ที่จะนำมาติดตั้งบนกล้องแบบ CS Mount มีระยะห่างเพิ่มขึ้นอีก 5 mm. จึงมีระยะใกล้เคียงกับแบบ C Mount ซึ่งมีระยะ 17.5 มากขึ้น

  • C-Mount lens : เป็นเลนส์ Standard type ซึ่งโดยทั่วไปมีขนาดตั้งแต่ 2mm. ไปจนถึง 25mm.
  • โดยเลนส์ C-Mount จะมีขนาดสั้น ต้องต่อแหวน C-ring เข้าไปก่อนจึงประกอบกับกล้องได้

  • CS-Mount lens : เป็นเลนส์ Standard type ซึ่งโดยทั่วไปมีขนาดตั้งแต่ 2.8mm. ไปจนถึง 25mm. เช่นกัน
  • โดยเลนส์ C-Mount จะ มีฐานเลนส์สูงอยู่แล้วประกอบกับกล้องได้เลย ไม่ต้องมีแหวนรอง

ความไว Shutter

กล้องยิ่งมีความไว Shutter สูง ยิ่งมีผลดีต่อการจับภาพเคลื่อนไหว ที่มีความเร็ว เช่นภาพรถวิ่งบนถนน Shutter Speed มักบอกเป็น 1 1/x per Second เช่น 1/50s , 1/20,000 s โดยที่ 1/50s นั้น เป็น Shutter Speed ที่ช้ากว่า 1/20,000 ฆ Signal to Noise Ratio

เป็นอัตราส่วนของความแรงของสัญญาณภาพเมื่อเทียบกับสัญญาณรบกวน มีหน่วยเป็น dB ยิ่งมีค่ามากยิ่งดี จะช่วยให้สัญญาณภาพของเราถูกรบกวนได้น้อยลง

Dynamic Range

เป็นค่าที่บอกว่ากล้องเรานั้นใช้ได้กับทุกสภาวะแสงสว่างหรือไม่ เช่น ใช้ได้ตั้งแต่ความสว่างน้อยจนถึงความสว่างมากๆได้ กล้องที่ดีควรจะมี Dynamic Range ที่กว้าง และครอบคลุมตั้งแต่ระดับความสว่างน้อยๆ จนถึงระดับที่สว่างมากๆ โดยยังคงได้ภาพที่ไม่ผิดเพี้ยน ทั้งเรื่องของสี และ รายละเอียดความคมชัดของภาพ

นอกจากนี้ กล้องที่มี Dynamic Range ที่ดี ก็จะช่วยในการจับภาพในสถานที่ ที่คาบเกี่ยวทั้งแสงจ้า และแสงน้อย ในบางยี่ห้อ Dynamic Range จะเป็นการครอบคลุมถึงฟังก์ชั่นของ Back Light Compensation หรือ BLC ด้วย รูปแบบการเปิด – ปิด ช่องรับแสง

การเปิด – ปิด ช่องรับแสงนั้น มีชื่อเรียกทางเทคนิคว่า Iris Control การเปิด – ปิด ช่องรับแสงของกล้องนั้น มีผลต่อความสว่างของภาพโดยตรง และ นอกจากนั้นยังมี ผลต่อความคมชัดของภาพ การเปิดรูรับแสงที่มากกินไป ก็จะทำให้พื้นที่ความคมชัดของภาพ (Dept of Field) ลดลง แต่หากปรับน้อยเกินไปภาพก็จะมืด ดังนั้นจะเป็นการดีไม่น้อยที่จะเลืกกล้องแบบ Auto Iris เพราะจะได้ภาพที่มีความสว่างสม่ำเสมอตลอดเวลา และ มีภาพที่คมชัดตลอดทั้งภาพ แต่กล้องแบบ Auto Iris นั้นก็จะมีราคาที่สูงกว่ากล้อง Fixed Iris รวมถึงเลนส์ ที่ใช้ก็ต้องเป็นเลนส์แบบ Auto Iris และ เลนส์ แบบ Auto Iris นั้นก็มีแบบ 2 แบบ คือ

  • 1.DC Auto Iris หรือ Direct Drive Iris
  • 2.AC Auto Iris หรือ Video Drive Iris

ไหนๆ ก็มีการกล่าวถึง เรื่อง Iris , Dept of Field กันมาบ้างแล้ว คราวนี้เรามาดู รายละเอียดในเชิงลึกกันสักหน่อยดีกว่า ว่าจริงๆแล้วสิ่งเหล่านี้คืออะไรบ้าง Iris คือช่องรับแสง หากเปิดมาก แสงจะเข้ามาก เปิดน้อย แสงเข้าน้อย

  • การเปิดช่องรับแสงมากน้อยนั้นมีกนิยมบอกเป็นค่า F-Number หรือ F Stop ซึ่งยิ่งมาก ก็หมายความว่าแสงผ่านได้น้อย การเปิด – ปิด ช่องรับแสงมากน้อยมีผล ที่เห็นชัดเจน 2 อย่างคือ
    • 1.ความสว่างและมืดของภาพ สิ่งนี้เป็นสิ่งที่เห็นได้ชัดเจน เพราะหากเปิดช่องรับแสงมาก ภาพก็จะสว่าง แต่หากเปิดน้อย ภาพก็จะมืด
    • 2.ความคมชัดของภาพตลอดทั้งภาพ (Dept of Field) ภาพจคมชัด เนื่องจากเปิด Iris น้อย

    BLC

    BLC หรือ ชื่อเต็มคือ Black Light Compensation เป็นฟังก์ชั่นในการชดเชยแสง จะช่วยให้สามารถมองภาพในพื้นที่ย้อนแสงได้ดีขึ้น ในทางปฏิบัติแล้ว BLC จะช่วยให้ภาพดีขึ้นได้บ้างแต่หากเป็นไปได้ ควรหลีกเลี่ยงการติดตั้งกล้องในทิศทางย้อนแสงโดยตรง โดยอาจติดเลี่ยงแสงโดยอาจติดเฉียง เพื่อเลี่ยงการรับแสงโดยตรงจะดีกว่า

    ในผู้ผลิตบางราย ก็ได้มีการพัฒนา BLC ขึ้นมาอีกขั้นโดยการบังพื้นที่ที่แสงจ้ามากๆ เช่นแสงไฟหน้ารถ เป็นต้น เวลาจะใช้งานก็ควรใช้การไตร่ตรองสักนิด เพราะพบว่าใช้จริงไม่ค่อยได้เพราะสถานการณ์จริงนั้นแสงไฟมีมาทุกทิดศทุกทางทำให้ใช้งานจริงไม่ได้ผล

    รูปแบบการสแกนภาพ แบบ Interlace หรือ Progressive เป็นกระบวนการสร้างภาพ โดยทั่วไปภาพ 1 ภาพจะประกอบด้วยเส้นจำนวนมาก เช่น ในสัญญาณระบบ PAL ก็จะมี 625 เส้น และ NTSC จะมี 525 เส้น ปัจจุบันนี้มีเทคโดนโลยีในการสร้างภาพที่นิยมกันอยู่ 2 แบบ 8 คือ

    • 1.Interlace Scan เป็นการสร้างภาพ โดยแบ่งออกเป็นการสแกนเส้นคู่ และ เส้นคี่ และนำมารวมกัน เพื่อให้เกิดเป็นภาพ 1 ภาพ
    • 2.Progressive Scan จะเป็นการสแกนภาพทีเดียวทั้งหมดทั้งเส้นคู่ ดังนั้น ภาพที่ได้จะดูนิ่งและสบายตากว่า

    สัญญาณภาพ ระบบ PAL หรือ สัญญาณภาพ ระบบ NTSC

    • PAL คือ ระบบที่มี 625 เส้น หากเป็นขาวดำ จะเรียกว่า CCIR
    • NTSC คือระบบที่มี 525 เส้น หากเป็นขาวดำ จะเรียกว่า EIA

    มีความสำคัญตรงที่หากอุปกรณ์ที่ใช้รับสัญญาณภาพไปทำการบันทึกนั้น เป็นประเภทเดียวกันกับสัญญาณภาพจากกล้องก็ไม่เป็นไร เพราะอุปกรณ์บันทึกภาพส่วนใหญ่นั้นเราไม่สามารถจะทำการเลือกได้ว่าจะให้เป็น PAL หรือ NTSC ได้ในแต่ละช่องสัญญาณ เช่นสมมุติว่า มีช่องรับสัญญาณ 32 ช่อง เราไม่สามารถเลือกได้ว่า ให้ช่อง 1 – 8 เป็น PAL , 9-32 เป็น NTSC แต่เราจะต้องเลือกว่าให้เป็น PAL หรือ NTSC ทั้งเครื่อง หรือ ทุกช่องสัญญาณ

    หน้าหลัก



     

    สนใจติดตั้งกล้องวงจรปิดหรือต้องการคำปรึกษาเรื่องกล้องวงจรปิด เราพร้อมที่จะให้คำปรึกษาเรื่องกล้องวงจรปิด กับลูกค้าทุกท่าน สามารถติดต่อเราได้ที่ กล้องวงจรปิดนครปฐม โทร. 081-700-4715,089-203-1737 หรือ 034-306-500 www.กล้องวงจรปิดนครปฐม.com

    ติดต่อฝ่ายขาย
    034-306-500, 084-118-8766
    ---TOP---

    CCTVBANGKOK | MEDIA SEARCH CO.,LTD. | กล้องวงจรปิดสมุทรสงคราม | กล้องวงจรปิดนนทบุรี | เกี่ยวกับเรา | แผนผังเว็บไซด์ | ทะเบียน ภ.พ. 20 |